รายละเอียดเพิ่มเติม
“การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง Spare Part อย่างมีประสิทธิภาพ”
(Spare Part Inventory Management)
วิทยากร : อาจารย์ อนันต์ ดีโรจนวงศ์
ที่ปรึกษาสมาพันธ์สมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุน (A.S.I.A.)
ที่ปรึกษาเครือข่าย Lean Production สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ไทย-ญี่ปุ่น
ที่ปรึกษาอุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ที่ปรึกษาสถานประกอบการดีเด่นโครงการ OPOAI กระทรวงอุตสาหกรรม
MBA Logistics Management
27 พฤศจิกายน 2566
09.00 – 16.00 น.
** โรงแรมโกลด์ ออร์คิด กรุงเทพฯ (ถนนวิภาวดีฯ-สุทธิสาร)
*สถานที่จัดสัมมนาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
หลักการและเหตุผล
การจัดการสินค้าคงคลังวัสดุ (Spare Part Inventory Management) เป็นการจัดการในการรับ การตรวจสอบและตรวจนับ การจัดเก็บสินค้าประเภทวัสดุได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง รวมถึง การหยิบสินค้า ตรวจสอบ และจัดส่งวัสดุให้ผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายหลักในการบริหารและดำเนินการจัดการในคลังสินค้าวัสดุก็เพื่อให้เกิดระบบที่ดี มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าต่อการลงทุน รวมถึงการควบคุมคุณภาพของการเก็บ การหยิบสินค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย การป้องกันและลดการสูญเสียจากการดำเนินงานเพื่อให้ต้นทุนการดำเนินงานต่ำอย่างเหมาะสม เพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งานได้ และการใช้ประโยชน์เต็มที่จากพื้นที่คลังสินค้าวัสดุ การจัดการคลังสินค้าวัดสุจึงนับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญส่วนหนึ่งในโซ่อุปทาน รวมถึงการควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังวัสดุ (Spare Part Inventory Control) ซึ่งต้นทุนสินค้าคงคลังวัสดุเป็นต้นทุนการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนั้นการจัดการสินค้าคงคลังวัสดุมีวัตถุประสงค์หลักอยู่ที่สามารถมีสินค้าคงคลังวัสดุบริการให้กับผู้ใช้งานในปริมาณที่เพียงพอ และทันต่อการความต้องการอยู่เสมอ สามารถลดระดับการลงทุนในสินค้าคงคลังวัสดุให้ต่ำอย่างเหมาะสม และเพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงได้อีกด้วย
วัตถุประสงค์
1. เพื่อสามารถบริหารจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะคลังสินค้าวัสดุ (Spare Part)
และสามารถควบคุมและเพิ่มความรวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วนในการการทำกิจกรรมต่าง ๆภายในคลังสินค้าวัสดุได้
2. เพื่อลดต้นทุนและพื้นที่การจัดการปริมาณสินค้าคงคลังวัสดุจำนวนมาก
3. เพื่อสามารถจัดเก็บสินค้าประเภทวัสดุในคลังสินค้าได้อย่างเหมาะสมตามปริมาณที่ลูกค้าต้องการ
4. เพื่อสามารถทราบข้อมูลสินค้าคงคลังวัสดุได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และครบถ้วน เพื่อนำไปวิเคราะห์และพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
5. สามารถเติมเต็มสินค้าคงคลังวัสดุได้ทันเวลาและอย่างเพียงพอ และสามารถจัดเก็บสินค้าวัสดุได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่คลังสินค้า
6. เพื่อลดเวลา Breakdown Maintenance และงาน Preventive Maintenance ว่าเมื่อใดก็ตามที่ต้องการใช้อะไหล่เพื่อการซ่อม
หรือเพื่อการบำรุงรักษา ต้องหาได้ในทันทีหรือใช้เวลาน้อยที่สุด
หัวข้อการอบรม
เวลา 09.00-16.00 น.
1. หลักการพื้นฐานการจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง
– ความสำคัญและประโยชน์ของการบริหารสินค้าคงคลัง
– ระบบการบริหารคลังสินค้ากับบริหารสินค้าคงคลัง
– ประเภทของสินค้าคงคลัง และการบริหารจัดการสินค้าคงคลังสินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบและวัสดุ อุปกรณ์
– การวิเคราะห์ต้นทุนการบริหารสินค้าคงคลัง
2. การวิเคราะห์ความสำคัญของสินค้าคงคลังวัสดุ
– การวิเคราะห์สินค้าคงคลังวัสดุด้วยแนวคิด ABC Analysis
– การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความสำคัญกับการผลิต (VED Analysis)
– การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความถี่ในการใช้ (FSN Analysis)
– การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามมูลค่าราคา (HML Analysis)
– การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามระยะเวลาในการส่งมอบ (SDE Analysis)
3. การวางแผน ควบคุม และการคำนวณปริมาณสินค้าคงคลังที่เหมาะสม
– การวิเคราะห์จุดสั่งซื้อซ้ำ (Re-Order Point: ROP) และการคำนวณ
– การคำนวณปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด (Economic Order Quantity: EOQ) และข้อจำกัด
– สินค้าเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Safety Stock : SS) และปริมาณที่เหมาะสม
– วิธีการลดปริมาณสินค้าคงคลังวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ
4. การประเมินความสามารถในการบริหารสินค้าคงคลัง
– ดัชนีชี้วัดการดำเนินงานการบริหารสินค้าคงคลัง (KPIs) และการวิเคราะห์
– กรณ๊ศึกษาการจัดการคลังสินค้าและควบคุมสินค้าคงคลัง
วิธีการสัมมนา การบรรยาย การให้คำปรึกษา และร่วมอภิปราย
กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มหลัก ผู้จัดการคลังสินค้า/ ผู้บริหารระดับกลาง หรือเจ้าหน้าที่ระดับบริหาร และระดับปฏิบัติการ ฝ่ายคลังสินค้าวัสดุ สินค้าสำเร็จรูป สินค้าวัตถุดิบ ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายผลิต ฝ่ายวางแผนการผลิต ฝ่ายซ่อมบำรุง วิศวกร